30/7/2568
รัฐมนตรีต่างประเทศสวีเดน ปฏิเสธให้การสนับสนุนคำขอของไทย ในการจัดหาเครื่องบินขับไล่ JAS-39C/D Gripen เพิ่มเติม
สาเหตุจากกองทัพอากาศไทย ใช้ Gripen โจมตีทางอากาศจริงกับกัมพูชา ถือเป็นการใช้งานในสถานการณ์สู้รบครั้งแรกของเครื่องบินรุ่นนี้
Gripen เป็นเครื่องบินรบที่ผลิตในสวีเดน ซึ่งเป็นประเทศที่วางตัวเป็นกลางทางการทหารมานานก่อนที่จะเข้าร่วมกับ NATO หลังการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ทำให้ที่ผ่านมาสวีเดนเข้าร่วมในสงครามและความขัดแย้งต่าง ๆ น้อยมาก ยกเว้นที่ลิเบียซึ่งกองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมในภารกิจเฝ้าตรวจและบังคับใช้เขตห้ามบิน รวมถึงภารกิจในพื้นที่อื่น ๆ อีกบางส่วน ส่วนประเทศที่ซื้อ Gripen ไปใช้งานเช่นเช็ค ฮังการี แอฟริกาใต้ หรือบราซิล ก็ยังไม่ได้ใช้ Gripen ในการรบจริงจัง
กฎหมายสวีเดน บอกว่า ห้ามขายอาวุธให้ประเทศที่ใช้ในเชิงรุกหรือพื้นที่ขัดแย้ง
ประเด็นหลัก
- รัฐมนตรีต่างประเทศสวีเดน ปฏิเสธให้การสนับสนุนคำขอของไทย ในการจัดหาเครื่องบินขับไล่ JAS-39C/D Gripen เพิ่มเติม
- สาเหตุจากกองทัพอากาศไทย ใช้ Gripen โจมตีทางอากาศจริงกับกัมพูชา ถือเป็นการใช้งานในสถานการณ์สู้รบครั้งแรกของเครื่องบินรุ่นนี้
- สวีเดนมีนโยบายควบคุมการส่งออกอาวุธที่เข้มงวดมาก โดย ห้ามขายอาวุธให้ประเทศที่ใช้ในเชิงรุกหรือพื้นที่ขัดแย้ง
- หากสวีเดนไม่อนุมัติ อาจกระทบ การซ่อมบำรุง อะไหล่ ซอฟต์แวร์ และความเข้ากันของระบบ Gripen ที่มีอยู่เดิม
- ไทยอาจหันไปพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น KF-21 ของเกาหลีใต้, J-10CE ของจีน, หรือ F-16V ของสหรัฐฯ
- ดีล Gripen ไทย–สวีเดน อาจชะงักจากประเด็นการใช้ในสงคราม และนโยบายควบคุมอาวุธของสวีเดน ทำให้อนาคตฝูงบิน Gripen ของไทยตกอยู่ในความไม่แน่นอน ทั้งด้านการจัดหาและความยั่งยืนของระบบในระยะยาว
(DEFENCE SECURITY ASIA) — สวีเดนสร้างแรงสั่นสะเทือนทางการทูต ด้วยการปฏิเสธคำร้องขอครั้งล่าสุดของไทยในการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Saab JAS-39C/D Gripen เพิ่มเติม หลังจากกองทัพอากาศไทย (ทอ.ไทย) มีการใช้เครื่องบินรุ่นนี้ในปฏิบัติการสู้รบจริงเป็นครั้งแรก ระหว่างสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนกับกัมพูชา
ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับเว็บไซต์ด้านความมั่นคง Breaking Defense นางมาเรีย มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด รัฐมนตรีต่างประเทศสวีเดน ได้ปฏิเสธการให้ความเห็นชอบต่อคำขอของไทยอย่างชัดเจน โดยระบุว่า “รัฐบาลกำลังติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนอย่างใกล้ชิด”
จุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ไทย–สวีเดน
การตัดสินใจนี้ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสวีเดนมีท่าทีห่างเหินจากพันธมิตรด้านความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างไทย หลังจากไทยประกาศแผนการจัดหา Gripen เพิ่มอีกชุดในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อเสริมฝูงบินจำนวน 11 ลำที่ประจำการอยู่ ณ กองบิน 7 จังหวัดสุราษฎร์ธานี
แหล่งข่าวรายงานว่า Gripen ของไทย ถูกนำไปใช้ในการโจมตีทางอากาศจริงต่อเป้าหมายทางทหารของกัมพูชาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นการใช้งานจริงครั้งแรกของเครื่องบินรุ่นนี้ในสถานการณ์สู้รบจริงทั่วโลก
ความลำบากใจของสวีเดนและข้อจำกัดทางกฎหมาย
เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความลำบากใจอย่างยิ่งต่อรัฐบาลสวีเดน เนื่องจากนโยบายการส่งออกอาวุธของสวีเดน (ดูแลโดยสำนักงาน ISP - Inspectorate of Strategic Products) ขึ้นชื่อว่าเข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป โดยเฉพาะเมื่อประเทศผู้ซื้อเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางทหาร
ตามกฎหมายสวีเดน ISP ซึ่งสังกัดกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องประเมินเสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ บันทึกสิทธิมนุษยชน และเจตนาการใช้งานก่อนที่จะออกใบอนุญาตส่งออกอาวุธ
แม้ยังไม่มีการประกาศยับยั้งอย่างเป็นทางการ แต่การที่รัฐมนตรีฯ สเตเนอร์การ์ดไม่ให้การสนับสนุนอย่างชัดเจน ถูกตีความว่าเป็นการ “แช่แข็ง” ดีลไว้ชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์ชายแดนจะคลี่คลาย
กระทรวงกลาโหมสวีเดนเองก็ปฏิเสธให้ความเห็น โดยโฆษกระบุว่า เรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการต่างประเทศโดยตรง
ปฏิบัติการทางอากาศของไทยและปฏิกิริยานานาชาติ
กองทัพอากาศไทยยืนยันว่าได้ใช้ Gripen ในการปฏิบัติการจริงบริเวณชายแดน โดย พลอากาศตรี ประภาส สร้อยชัยดี โฆษก ทอ.ไทย กล่าวว่าการโจมตีเป็นการ “ป้องกันตัวอย่างจำกัด” และมุ่งเป้าเฉพาะ “ภัยคุกคามทางทหารโดยตรง” เท่านั้น
เขาเสริมอีกว่า ปฏิบัติการทั้งหมด สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และ “หลักความได้สัดส่วน” พร้อมอ้าง มาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ เพื่อให้ความชอบธรรมแก่การใช้กำลังของไทย
ความเสียหายเชิงยุทธศาสตร์ของสวีเดนและ Saab
แม้ไทยจะอ้างเหตุผลทางกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ผลกระทบต่อบริษัท Saab และท่าทีด้านนโยบายส่งออกของสวีเดนก็เริ่มปรากฏ
ที่ผ่านมา Saab โฆษณา Gripen ว่าเป็น เครื่องบินขับไล่เอนกประสงค์ที่เป็นกลางทางการเมือง เหมาะสำหรับประเทศที่ไม่ต้องการพัวพันกับ NATO
ประเทศไทยถือเป็นลูกค้าส่งออกรายแรกในเอเชียของ Gripen C/D ด้วยข้อตกลงปี 2008 มูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงเครื่อง Saab 340 AEW&C ด้วย
นับแต่นั้น กองทัพอากาศไทยได้ ใช้ Gripen เป็นแกนกลางของระบบปฏิบัติการรบแบบเครือข่าย (Network-Centric Warfare) โดยเชื่อมต่อกับเรดาร์และศูนย์สั่งการของไทยเอง
แผนจัดหา Gripen E/F รุ่นใหม่ของไทยถูกสะดุด
ปัจจุบัน ทอ.ไทยได้เลือก Gripen JAS-39E/F เป็น เครื่องบินขับไล่รุ่นหลักในอนาคต โดยวางแผนจัดหาทั้งหมด 12 ลำภายใน 10 ปี เริ่มจากชุดแรก 4 ลำ (3 ลำเดี่ยว JAS-39E และ 1 ลำคู่ JAS-39F) ด้วยงบประมาณ 19.5 พันล้านบาท (ราว 596 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
แผนการลงนามในสัญญาในเดือนสิงหาคมนี้ อาจถูกระงับหรือชะลอ หากสวีเดนตัดสินว่าไทยฝ่าฝืนข้อตกลงเดิมเกี่ยวกับ "เจตนาในการใช้"
นี่เป็นครั้งแรกที่ Gripen ถูกใช้ยิงอาวุธจริงต่อกำลังทหารของประเทศอื่น ซึ่งสอดคล้องกับข่าวว่าการโจมตีของไทย มุ่งเป้าไปที่ป้อมชายแดนของกัมพูชา ที่เชื่อว่าเป็นที่ตั้งของหน่วยลาดตระเวนทางทหาร
เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อวันศุกร์และทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมีการเรียกร้องให้หยุดยิงโดยอาเซียน และมีการประกาศหยุดยิงในวันจันทร์
ผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์และการส่งออกของสวีเดน
แม้จะมีการหยุดยิงแล้ว แต่ความเสียหายต่อโอกาสในการจัดหา Gripen ของไทยก็อาจ ยังคงอยู่อย่างยาวนาน
ภายใต้กฎหมายสวีเดน ห้ามส่งออกอาวุธไปยังประเทศที่ใช้ในลักษณะเชิงรุก เว้นแต่จะเป็นการป้องกันตัวโดยชัดแจ้ง และสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศของสวีเดน
ก่อนหน้านี้ สวีเดนเคยระงับการขายให้ประเทศในตะวันออกกลางและแอฟริกาภายใต้หลักเกณฑ์เดียวกัน แม้ว่าจะกระทบต่อรายได้บริษัทอาวุธของประเทศก็ตาม
นักวิเคราะห์เตือนว่า หากดีลถูกยุติ ไทยอาจหันไปยังทางเลือกอื่น เช่น KF-21 Boramae ของเกาหลีใต้, J-10CE ของจีน หรือแม้แต่ F-16V Block 70/72 ของสหรัฐฯ
ความเสี่ยงของไทยและ Saab ในภูมิภาค
การเปลี่ยนซัพพลายเออร์อาจสร้าง ผลกระทบระยะยาวทั้งด้านโลจิสติกส์ อะไหล่ ซอฟต์แวร์ และความเข้ากันได้ของระบบ
ขณะที่ Saab ยังคงเจาะตลาดใน โคลอมเบีย, ฟิลิปปินส์, สาธารณรัฐเช็ก และโครเอเชีย ลูกค้าทั้งหมดจะจับตาดูกรณีไทยอย่างใกล้ชิด
บทสรุป: Gripen ไทยอาจติดพื้น เพราะการเมือง
สำหรับสวีเดน กรณีนี้สะท้อนถึง ความเสี่ยงในการส่งออกระบบรบล้ำสมัยไปยังประเทศที่มีความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ แม้จะเป็นพันธมิตรที่มีประวัติยาวนานก็ตาม
ณ ขณะนี้ ยังไม่มีการยกเลิกข้อตกลงอย่างเป็นทางการ แต่ความเงียบเชิงกลยุทธ์ของสวีเดน อาจบอกอะไรได้มากกว่าคำประกาศทางรัฐสภา
หากกระทรวงต่างประเทศสวีเดนหรือ ISP ไม่ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนในเร็ววัน อนาคตของ Gripen ไทยอาจถูกตรึงอยู่บนพื้น ไม่ใช่เพราะเครื่องยนต์หรือเงิน แต่เพราะการเมือง และกฎหมายการควบคุมอาวุธของสวีเดน